การสร้างยาจินดามณีพุทธคุณสรรพคุณพุทธคุณ - สรรพคุณ ยาวาสนาจินดามณี

ื้อเมืองพระทรงเมืองล้ำค่ายาวาสนามหาจินดามณีผงยาจินดามณี อันมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นของวัดกลางบางแก้ว จังหวัดนครปฐม โดยหลวงปู่บุญได้ทำขึ้นจากตำรับเก่าแก่ของวัดกลางบางแก้ว ที่สืบทอดมาแต่ครั้งสมเด็จพระพนรัตน์ แห่งวัดป่าแก้ว สมัยอยุธยา ซึ่งเป็นผงยาที่ประกอบขึ้นจากตัวยาสมุนไพรมากมาย ดังในบทกลอนที่กล่าวถึงตัวยาต่างๆ ว่า

  • "จินดามณีโอสถอันพิลาสประกอบดอกคราด ดอกจันทน์ เกสรบุษบัน เปราะหอม กำยาน โกฏสอ โกฏเขมา น้ำทองประสาน เปลือกกุ่มชลธาร กรุงเขมาเท่าๆ กัน ผสมแล้วตำบดพิมเสน ชะมด น้ำผึ้งรวงรัง กฤษณา น้ำมะนาว น้ำมะเขื่อขื่นคั้น ผสมเข้าด้วยกัน บดปั้นตากกิน เป็นยาวาสนาเลิศล้ำตำรา ในโลกแดนดิน ผู้ใดได้กินจะสวัสดิโสภิณกว่าคนทั้งหลาย พัสดุเงินทอง จักพูนกูนกองกว่าโลกหญิง ชาย นำมาบูชา อภิวาทบ่วาย ระงับอันตรายทั้งสี่กิริยา โทษหนักเท่าหนัก ถึงจักมรณา โทษน้อยถอยคราเคลื่อนคลายหายเอย"

 

 

 

 

 

 

 

 

การจัดสร้างวัตถุมงคลในสิ่งหนึ่งที่ใช้เป็นจุดขายคือมวลสารศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก็บจากศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ ๗๓ จังหวัดทั่วประเทศแล้ว ยังเดินทางไปเก็บมวลสารยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอินเดีย และเนปาล ซึ่งเป็นดินแดนพุทธภูมิ

นอกจากนี้แล้วยังมีมวลสารอีกชนิดหนึ่งที่ถือว่าเป็นสุดยอดของความหายากและผสมยาก คือ ผงยาจินดามณี หรืออาจจะเรียกผงยาวาสนาจินดามณี นอกจากมีพุทธคุณแล้วยังมีสรรพคุณรักษาโลกได้นานาชนิดตำรับแห่งยาจินดามณี เป็นตำรับที่ตกทอดมาถึงพระพุทธวิถีนายกหรือหลวงปู่บุญ อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วอ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นตำรับคู่มากับวัดกลางบางแก้ว นับเป็นตำรับเก่าแก่เล่ากันว่าเป็นตำรับของสมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว แห่งกรุงศรีอยุธยา ฉบับที่มาอยู่วัดกลางบางแก้วเป็นตำรับสมุดข่อย ลงทองล่องชาดกล่าวเอาไว้ถึงกรรมวิธีการสร้างที่พิสดารและอานุภาพอัศจรรย์อย่างยิ่ง ท่านมีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือชาวบ้านที่เจ็บป่วยไม่มีหมอรักษาเนื่องจากสมัยโบราณคนไทยยังต้องอาศัยหมอพื้นบ้านและยาพื้นบ้าน ท่านจึงคิดค้นยาโบราณที่อาจเรียกได้ว่าเป็นยาขนานวิเศษ เป็นยาที่ทำด้วยสมุนไพรที่หายาก

ตำรับยาส่วนผสมของยาจินดามณีได้พรรณนาเอาไว้อย่างกว้างๆในเบื้องต้นของตำราว่า จินดามณีโอสถพิพาสประกอบดอกคราดดอกจันทน์เกสรบุษบัน เปราะหอมกำยาน โกฐสอ โกศเขมาทองน้ำประสาน เปลือกกุ่มชลธาร กรุงเขมาเท่ากัน ผสมแล้วตำบดพิมเสน ชะมด น้ำผึ้ง รวงรัน กฤษณา น้ำมะนาว น้ำมะเขือ ขื่อดั้น ผสมยาเข้าด้วยกัน บดปั้นตากกิน เป็นยาวาสนา เลิศล้ำตำราในโลกแผ่นดิน อุปเท่ห์กล่าวไว้ ผู้ใดได้กินจะสวัสดิ์โสภิณกว่าคนทั้งหลาย พัสดุ เงินทอง จักพูนกูลนอง กว่าโลกหญิงชายนำมาบูชาอหิวาต์ก็วิวาย ระงับอันตราย ทั้งสี่กิริยา โทษหนักเท่าหนัก มาตรแม้นประจักษ์ถึงกาลมรณา ถ้าแม้นใครกินซึ่งยาวาสนากลับน้อยถอยคลาเคลื่อนคลายหายเอย

สรรพคุณยาจิดามณีถือว่ารักษาโรคได้ครอบจักรวาลเช่น แก้โรคจักษุ ๖ แก้ในจมูก ๓ ประการ ในลิ้น ๖ ประการ ในฟันในท้อง ๔ ประการ แก้ไข้บั้นปลายก็ได้ แก้ลมมหาสดมภ์ แก้ลมราชยักษ์ กุมภกัณฑ์ยักษ์ แก้อ่อนเปลี้ยเพลียใจ คลื่นไส้อาเจียน เป็นยาครรภ์รักษา แก้หัวพิษ หัวกาฬ ละลอกน้ำ ละลอกไฟ ผิวเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ตายไปทั้งตัวก็ดี ฝ่ายซ้ายขวาก็ดี ตีนมือ คางขากรรไกรก็ดี หาสมประดีไม่ได้ไซร้ให้เอาหญ้าฝรั่น พิมเสน ทองคำ บดด้วยยาละลายกรองลงไปได้สติลืมตา มีน้ำตาไหล น้ำลายยืด แล้วหายแล ถ้าคนไข้บีบมือเหมือนจะออกคำ แต่ออกมิได้ให้เอาดีหมีก็ได้ ถ้าไม่มีดีงูก็ได้ ต้มน้ำให้ละลายประมาณครึ่งถ้วยพริก ใส่เหล้าครึ่งหนึ่งให้กินเถิด ถึงเสลดหางวัวตีขึ้นก็จักกลับหาย หายมามากแล้ว เป็นต้น

นอกจากนี้แล้วยีงมีคติความเชื่อและคำบอกเล่าต่อๆกันมาว่า หากแต่ถ้ายังไม่รับประทานก็นิยมพกพาติดตัวเพราะเชื่อว่ายาวาสนาจินดามณี ชื่อวาสนาเป็นชื่อที่มงคลแก่ตัวเองในปัจจุบันและได้บรรจุอาคมเข้าไปเพื่อช่วยรักษาโรคต่างๆ สารพัดโรค ตามแต่ผู้รับประทานจะอธิษฐานและช่วยในเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ

แม้ผงยาจินดามณีจะขึ้นชื่อว่ามีทั้งพุทธคุณและสรรพคุณสูงแต่มักไม่มีนักสร้างวัตถุมงคลกล้าลงทุกสร้าง เพราะมวลสารผสมยาจินดามณีส่วนใหญ่เป็นของหายากและมีราแพง เช่น งาช้างน้ำ งาช้างบก งากำจัด งากำจาย และเขากวางหลุด เป็นต้น แต่ที่หายากแบบสุดๆ มี ๓ ชนิด คือ

๑.อำพันปลาวาฬซึ่งเป็นน้ำเชื้อของปลาวาฬที่ผ่านการผสมพันธุ์แล้วหลุดลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำระหว่างสัมผัสกับน้ำทะเลก็จะแข็งตัวคล้ายๆ กับพลอยสีเหลือง ทั้งนี้ชาวประมงที่พบเห็นจะเก็บและหวงแหนมากเพราะถือเป็นของหายาก และใช้เป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง มีคุณทางเมตตาและแคล้วคลาด ราคาซื้อขายกันหลักแสนต่อเม็ด (ขนาดใหญ่กว่านิ้วแม่มือเล็กน้อย)

๒.น้ำนมเสือหย่า (เสือคัด) ซึ่งเป็นน้ำนมของแม่เสือที่ไม่อยากให้ลูกกินนม เนื่องจากลูกฟันขึ้นแล้วเมื่อกินก็จะรู้สึกเจ็บ ดังนั้นแม่เสือจะเอาลำตัวไปนาบลงบนแผนหินเพื่อให้นมไหลออกมา ซึ่งพบในป่าลึกตามผนังถ้ำ หรือแผ่นหิน ราคาซื้อขายไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ ๒ แสนบาท และ ๓.นอแรดแม้จะหาไม่ยากแต่มีราคาแพงมากต้องสั่งซื้อจากต่างประเททศเท่านั้น ราคานอละไม่ต่ำกว่า ๑ ล้านบาท

ขณะเดียวกันยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่น่าสนใจคือหากศึกษาประวัติการจัดสร้างยาผงจินดามณี ต้องทำเพื่อช่วยชีวิตมนุษย์เท่านั้นจะทำเป็นการค้าหรือพุทธพาณิชย์ไม่ได้ เพราะเป็นเคล็ดลับของวิชานี้ซึ่งมีการสาปแช่งไว้ว่า ใครทำขายทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวต้องมีอันเป็นไปหากใครได้ศึกษาข้อมูลย้อนหลังของพระและวัดใน จ.นครฐม ที่ทำยาจินดามณีแล้วหาประโยชน์ใส่ตัวไม่นำไปบำรุงพระพุทธศาสนา หรือไม่สร้างสาธารณประโยชน์ส่วนรวมต้องมีอันเป็นไปทุกราย ด้วยเหตุนี้เมื่อพระและวัดใดสร้างผงยาจินดามณีต้องทำเพื่อมอบให้เป็นที่ระลึกผู้ร่วมบุญกับวัดเท่านั้น

ด้วยเหตุที่มวลสารที่นำมาผสมเป็นตัวยาวาสนาจินดามณีมีราคาแพงการจัดสร้างพระด้วยผงยาจินดามณีจึงไม่ค่อยมีนักสร้างวัตถุมงคลรายใดกล้าสร้าง ส่วนใหญ่จะเป็นวัดสร้างเองและสร้างได้จำนวนไม่น้อย เพื่อแจกจ่ายเป็นของที่ระลึกในบุญประเพณีของวัดเช่นเดียวกับโบราณาจารย์ในอดีต ผู้ที่ได้รครอบครองพระผงยาจินดามณีจึงมีแต่ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดหรืออยู่ติดกับวัดเท่านั้น